วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

บันทึกครั้งที่ 1

วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561   เวลา 13:30 - 17:30 น.
          เนื้อหาการเรียน

              วันนี้เป็นการเรียนวันที่ 2 ของวิชานี้ แต่เนื่องด้วยสัปดาห์ที่แล้วอาจารย์ตฤณไม่ค่อยสบายจึงได้มอบหมายให้ไปหางานมา คือ หาท่าโยคะมาคนละ 1 ท่า พร้อมตั้งชื่อท่า


ท่าเรือ (Boat Pose)เริ่มฝึกง่าย ๆ ด้วยการนั่งลงกับพื้นให้หลังตั้งตรง ขาเหยียดตรง หายใจเข้า เหยียดแขนชี้ไปข้างหน้า หายใจออกแล้วเอนตัวไปข้างหลัง ค่อย ๆ เกร็งหน้าท้องแล้วยกขาขึ้นจากพื้น ทำมุมประมาณ 45 องศาปลายเท้าอยู่สูงเหนือระดับศีรษะ
          จากนั้น ยกแขนขึ้นให้แขนเหยียดตรง ขนานกับพื้นในแนวเดียวกับหัวไหล่ พลิกฝ่ามือหันเข้าหาขา พยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าสมดุล ให้น้ำหนักลงที่ก้น ค้างอยู่ท่านี้ประมาณ 10-20 วินาที หากฝึกจนเก่งแล้วให้ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเป็นสัก 1 นาที
          Tip : ถ้าเพิ่งเริ่มฝึกใหม่ ๆ อาจจะยกขาเหยียดขึ้นไม่ได้นาน ให้หาผ้ายืด หรือเข็มขัดมาคล้องปลายเท้าแล้วใช้มือดึงพยุงตัวเอาไว้

                                                  
                หลังจากนั้นได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคุรุสภา การสอบเข้าบรรจุราชการ   การประกวดมารยาท   เรื่องครูคืนถิ่น   ลำดับการรับปริญญา   และอาจารย์ตฤณก็ได้ให้ดูรูปพร้อมวิดีโอเกี่ยวกับวิชาการจัดประสบการณ์การเล่นกลางแจ้งสำหรับเด็กปฐมวัยเบื้องต้น คร่าวๆให้ฟัง
          กลางแจ้ง  ➤  พละสำหรับเด็กอนุบาล
                             ➤  การที่ออกกำลังการต้องคำนึงถึงพัฒนาการเด็กทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างการ อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา
                             ➤  ด้านร่างการจะได้พัฒนากล้ามเนื้อ มัดใหญ่ ซึ่งมี  3 ส่วน คือ ขา แขน และลำตัว
                             ➤  เครื่องเล่นสนาม  
                                  ➯  เน้นปีนป่าย
                                  ➯  เล่นกับอุปกรณ์กีฬา
                                  ➯   ราวโหน
                                  ➯  ท่อนไม้,อิฐ,ที่ทรงตัว
                            ➤  เครื่องเล่นประเภทล้อเลื่อน ,จักรยาน
                            ➤  การเล่นทราย
                            ➤  เล่นกับอุปกรณ์กีฬา
                            ➤  เกมการละเล่น
                            ➤  อุปกรณ์ไม้
                            ➤  บ้านจำลอง (ควรมี)


       การไปดูนิทรรศการ
                      มนุษยศาสตร์ (ภาษาจีน)
                        เกี่ยวกับการพับกระดาษแบบจีนและมี lion dance เป็นประเพณีการเต้นรำอย่างหนึ่งในวัฒนธรรมจีนและประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียที่ผู้แสดงเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสิงโตในชุดสิงโต การเชิดสิงโตปกติจะแสดงในเทศกาลตรุษจีนและในเทศกาลทางประเพณี วัฒนธรรม และศาสนาของชาวจีนอื่น ๆ การเชิดสิงโตอาจแสดงในโอกาสสำคัญ เช่น งานเปิดตัวธุรกิจ การเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ หรืองานสมรส หรืออาจใช้เชิดชูเกียรติแขกพิเศษในชุมชนของชาวจีน
การเชิดสิงโตของจีนมักมีผู้สับสนกับการเชิดมังกร ความแตกต่างคือสิงโตต้องใช้นักเต้นสองคน ในขณะที่มังกรต้องใช้คนหลายคน ในการเชิดสิงโต ใบหน้าของผู้แสดงจะแสดงให้เห็นเป็นครั้งคราว เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายในตัวสิงโต ในการเชิดมังกร ใบหน้าของผู้แสดงจะแสดงให้เห็นได้ง่ายเนื่องจากมังกรจะยึดอยู่กับเสา การเคลื่อนไหวพื้นฐานในการเชิดสิงโตพบได้ในศิลปะการป้องกันตัวของจีนหลายแขนง
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/



                          คณิตศาสตร์ (คบ.)
                             สื่อจะออกแนวไปในทางคล้ายกับเกมมากกว่า เพราะสื่อที่ทำเช่น บันไดงู ลูกเต๋า ก็จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทุกวิชาได้ ที่เลือกมา คือ การสอนเรื่อง พีระมิดสอนเรื่องพื้นผิวและการหาปริมาตร




                      พละศึกษา
                          สื่อที่ได้เข้าชม คือ บิงโก เท่าทันสารเสพติด และ วงล้อเรื่องกล้ามเนื้อ เป็นการหมุนและตกที่ช่องไหนก็จะมีคำถามอยู่ เพื่อให้เด็กได้ช่วยกันตอบคำถาม สอนเรื่องอะไรเราก็สามารถเปลี่ยนหัวข้อไปตามหน่วยที่เรียนได้


                     วิทยาศาสตร์
                     สอนเรื่องวิทยาศาสตร์ใกล้ตัว เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ DNA เรื่องการจับคู่เบส น้ำตาล และฟอสเฟต 
  



                          

                         เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์
                                 เกี่ยวกับเทคโนโลยี application ที่สอนเด็กได้จริงและมีความน่าตื่นเต้น


         แอพนี้ก็คือ Quiver แอพที่จะเหมะสำหรับเอาไว้ใช้เล่นกับเด็กๆ เพราะว่าเด็กเห็นแล้วจะตื่นตาตื่นใจแน่ๆ หรือจะเล่นเองก็ได้นะครับ โดยความสามารถของ Quiver ก็คือใช้กล้องส่องภาพที่ระบายสี ภาพนั้นก็จะเสมือนมีชีวิตขึ้นมาเป็น ภาพ 3มิติ และเคลื่อนไหวได้




                       การศึกษาปฐมวัย
                                        การสอนก็มีแตกต่างกันไป มีการเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติแบบองค์รวม
การสอนภาษาธรรมชาติ เด็กจะได้อะไร
          ⇨  สามารถสื่อสารได้ตามความต้องการ
          ⇨  มีความสุขในการเรียนรู้
          ⇨  มีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านและการเขียน
          ⇨  มีความเชื่อในความสามารถของตนเอง
          ⇨  ใช้ภาษาสื่อความหมายเชื่อมโยงกับคนที่เด็กใกล้ชิดได้
          ⇨  มีนิสัยรักการอ่าน
          ⇨  เกิดทักษะในการใช้ภาษาทั้ง ฟัง พูด อ่าน และเขียน
การจัดการเรียนรู้แบบไฮสโคป  ➤ คือพัฒนาเด็กอนุบาลเน้นการลงมือกระทำ ฝึกการคิดอย่างมีความหมายและมีเหตุผล และเกิดเป็นการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบโครงการ (Project Approach) ➤ การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

                               




                            
                       


          
          ประเมินวิธีการสอน
                     การเรียนแบบเปิดกว้างเป็นการสร้างวินัยให้กับนักศึกษาไปในตัว เปิดโอกาสให้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยที่ครู อาจารย์เป็นที่ชี้แนะหรือแนะนำอยู่ การเรียนการสอนแบบให้นักศึกษาเป็นผู้นำหรือทำกิจกรรมเองให้ได้มีการคิดและวิเคราะห์จะทำให้นักศึกษามีความรับผิดชอบ และความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น